เนื้อไทยวากิว ความอร่อยที่ต้องลอง

เมื่อต้นปีผมได้รู้จักกับเพื่อนบ้านคนนึง เค้าทำร้านเนื้อไทย-วากิว และได้เชิญชวนให้ครอบครัวผมได้ลองกินเนื้อย่างโดยฝีมือเจ้าของร้าน ผมรู้สึกประทับใจกับรสชาติความอร่อยของเนื้อไทย-วากิวมาก จึงอยากจะลองมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน

เนื้อไทยวากิว คืออะไร

เนื้อไทยวากิว มีต้นกำเนิดมาจากการนำน้ำเชื้อของพ่อพันธุ์วัวชนิดวากิวจากประเทศญี่ปุ่น มาผสมกับแม่พันธุ์ในประเทศไทย ทำให้เกิดวัวสายพันธุ์ใหม่ นั่นคือ ไทยวากิว นั่นเอง โดยวัวไทยวากิวในปัจจุบันจะผ่านการคัดเลือกพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์อย่างละเอียดโดยฟาร์มวัวไทยจากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเลี้ยงวัว เพื่อให้ได้คุณภาพเนื้อที่มีไขมันแทรกลักษณะคล้ายกับเนื้อวากิวของประเทศญี่ปุ่น

ลักษณะเนื้อไทยวากิว จะมีความต่างจากเนื้อวากิวอยู่พอสมควร แม้ต้นกำเนิดของสายพันธุ์วัวจะมีส่วนมาจากสายพันธุ์วากิวในประเทศญี่ปุ่นก็ตาม แต่เนื้อไทยวากิวจะมีมันแทรกน้อยกว่า นั่นจึงทำให้ลักษณะการทำอาหารโดยใช้เนื้อไทยวากิวแตกต่างจากการใช้เนื้อวากิวญี่ปุ่น ด้วยความมันของเนื้อวากิวญี่ปุ่น ทำให้เนื้อมีความนุ่ม เหมาะสำหรับการทานในเมนูอาการประเภทเนื้อย่างหรือหม้อต้มชาบู แต่ในส่วนของเนื้อไทย-วากิวที่แม้จะมีมันแทรกไม่สูงเท่าเนื้อวากิวญี่ปุ่น แต่เนื้อไทย-วากิวก็ยังมีจำนวนมันแทรกที่เยอะกว่าเนื้อสายพันธุ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อจากประเทศนิว ซีแลนด์หรือออสเตรเลียก็ตาม นั่นจึงทำให้เนื้อไทย-วากิวเหมาะสำหรับการนำมาย่างด้วยเตาถ่านเพื่อทำเป็นสเต็คนั่นเอง

(รูปจากร้านยักษ์เป็นสัตว์กินเนื้อ)

วิธีเลือกเนื้อไทยวากิว

หากต้องการนำเนื้อไทยวากิวมาย่างเป็นสเต็กเนื้อ เราสามารถเลือกชิ้นเนื้อโดยหลักๆสามแบบที่ได้รับความนิยมในการนำมาทำสเต็ก นั่นคือ ส่วนสันใน (Tenderlion) ส่วนสันนอก (Striploin) และส่วนริบอาย (Ribeye) และนอกจากนี้ เราก็ยังสามารถแบ่งเกรดไขมันแทรกของเนื้อได้อีกด้วย โดยเกรดไขมันของเนื้อวัวจะแบ่งออกเป็นเกรด(ระบบสากล) 1-5 หรือเกรดแบบ MBS 1-12 (ระบบ Beef Marbling Score ของญี่ปุ่น) ระดับความมันก็จะเป็นไปตามตัวเลข หากตัวเลขน้อย ก็จะมีระดับความมันแทรกที่น้อย และหากตัวเลขเยอะก็จะมีระดับไขมันแทรกที่เยอะนั่นเอง

แน่นอนว่าเกรดของเนื้อยิ่งสูง ราคาของเนื้อก็จะยิ่งแพงตามไปด้วย สำหรับมือใหม่ที่อยากจะลองกินเนื้อไทยวากิว ผมขอแนะนำให้ลองระดับ MBS 3-4 ซึ่งจะเป็นเนื้อที่มีราคาไม่แพง แต่ก็ยังได้ลิ้มรสความนุ่มของเนื้อไทยวากิวได้อย่างเต็มที่

และในส่วนของชิ้นส่วนของเนื้อที่มีให้เลือก เราสามารถแบ่งเป็นข้อสรุปได้ดังนี้

สันใน (Tenderloin)

• รสชาติ: มีรสชาติที่นุ่มและละเอียด เนื้อมีไขมันน้อย ทำให้รสชาติไม่เข้มข้นเท่าส่วนอื่นๆ

• ลักษณะ: เป็นส่วนที่นุ่มที่สุดของเนื้อวัว ไม่มีเส้นเอ็นหรือไขมันมากนัก จึงเหมาะสำหรับการทำสเต็ก

• การปรุง: สามารถปรุงได้หลายวิธี เช่น ย่าง ทอด หรือทำเป็นสเต็ก โดยไม่ต้องใช้เวลานานในการปรุง

สันนอก (Striploin)

• รสชาติ: มีรสชาติที่เข้มข้นกว่าเนื้อสันใน มีไขมันแทรกที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติ

• ลักษณะ: เป็นเนื้อที่มีความนุ่ม แต่ไม่เท่ากับสันใน มีไขมันอยู่ด้านข้างทำให้มีรสชาติที่ดี

• การปรุง: เหมาะสำหรับการย่างหรือทำสเต็ก โดยสามารถปรุงให้มีความสุกตามต้องการ

ริบอาย (Ribeye)

• รสชาติ: มีรสชาติที่เข้มข้นและมันมากที่สุดในสามส่วนนี้ เนื่องจากมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อ

• ลักษณะ: มีเนื้อที่นุ่มและมีไขมันแทรกมาก ทำให้มีความชุ่มชื้นและรสชาติที่ดี

• การปรุง: มักจะใช้ในการย่างหรือทำสเต็ก โดยสามารถปรุงให้มีระดับความสุกที่หลากหลาย

สำหรับใครที่ต้องการเริ่มต้น ลองซื้อเนื้อมาย่างกินเอง ผมแนะนำให้ลองเนื้อไทยวากิวส่วนที่เป็น สันนอก หรือ Striploin ซึ่งจะมีระดับไขมันแทรกและมีความเข้มข้นของรสชาติที่พอเหมาะ

วิธีย่างเนื้อไทยวากิว

เราไม่จำเป็นต้องมีเตาถ่าน ขอแค่มีเตาและกระทะ เราก็สามารถย่างเนื้อไทยวากิวทานเองได้แล้ว แน่นอนว่าการย่างเนื้อด้วยเตาถ่านจะเพิ่มรสชาติและความหอมที่ได้จากการเผาไหม้ของเตาถ่าน แต่จากประสบการณ์ของผม การย่างเนื้อด้วยกระทะก็ให้รสชาติที่ดีไม่แพ้กันเลย

สำหรับวิธีย่างเนื้อ ผมคงไม่สามารถอธิบายได้ดีเท่าการดูวิธีย่างเนื้อบน Youtube แต่คำแนะนำหลักๆของผมคือ ขอแค่มีเตา กระทะ และเกลือ ก็เพียงพอแล้ว การย่างเนื้อไทยวากิว เราไม่จำเป็นต้องหมักเนื้อหรือปรุงรสชาติด้วยอะไรนอกจากเกลือ แน่นอนว่าเราสามารถเพิ่มเนย และพริกไทยได้ แต่หากเราต้องการเข้าถึงรสชาติของเนื้อไทยวากิว เพียงแค่เราโรยด้วยเกลือภายหลังที่เราย่างเนื้อ เราก็จะได้เนื้อไทยวากิวที่อร่อยและน่ารับประทาน

ข้อคำแนะนำอีกอย่างนึงที่ผมได้มาจากเจ้าของร้านขายเนื้อคือ หากเราต้องการย่างเนื้อกิน เราควรจะซื้อเนื้อเพื่อกินในวันนั้นๆ เลย เราไม่ควรจะแช่เนื้อไว้ในช่องฟรีสแช่แข็งเพราะจะทำให้เนื้อเสียรสชาติ

แนะนำร้านเนื้อ

ผมขอปิดท้ายด้วยการแนะนำร้านเนื้อของเจ้าของร้านเนื้อที่เป็นเพื่อนบ้านผม (ชื่อคุณต้น) ที่ผมเกริ่นตอนต้น และเป็นร้านที่ผมซื้อมาบ่อยมากนั่นคือร้าน ยักษ์เป็นสัตว์กินเนื้อ โดยปัจจุบันจะมีร้านอยู่ 3 สาขาในกรุงเทพ นั่นคือ

สาขา ราชพฤกษ์ ตั้งอยู่ในปั๊มเชลล์ถนนราชพฤกษ์ (ก่อนถึงFood Villa) โลเคชั่น https://g.co/kgs/8EJFky

สาขา ปั้มบางจาก กม.5 ตั้งอยู่ในปั๊มบางจาก ถนนบางนา-ตราด กม.5 ติดกับ Indexlivingmall โลเคชั่น https://goo.gl/maps/761eddnRYWRNVy6fA

และ สาขาซอยศรีด่าน22 โลเคชั่น https://goo.gl/maps/F8hkxhQc3WBWrPbx5

(ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางร้าน แต่หากทางร้านอยากจะสนับสนุนก็ติดต่อมาได้นะครับ 😂)