Logo
KangTLee's blog

บทเรียนจากผู้ร่วมก่อตั้ง Netflix: การสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนโลก

Kang T Lee
อัพเดทล่าสุดวันที่ 26 กันยายน 2567
บทเรียนจากผู้ร่วมก่อตั้ง Netflix: การสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนโลก

เมื่อวันก่อนผมได้ฟัง Podcast เกี่ยวกับประวัติและต้นกำเนิดของ Netflix เล่าโดยอดีต CEO ผู้ร่วมก่อตั้ง Mark Randolph ในรายการ The Diary of A CEO จึงอยากจะนำมาสรุปกันให้อ่าน

ในโลกของการสตรีมมิ่งที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ ยากที่จะจินตนาการถึงยุคที่การเช่าวิดีโอเป็นธุรกิจที่รุ่งเรือง แต่นั่นคือโลกที่ Mark Randolph ผู้ร่วมก่อตั้ง Netflix เผชิญเมื่อเขาและ Reed Hastings เริ่มต้นธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมบันเทิงไปตลอดกาล วันนี้เราจะมาดูเส้นทางของ Randolph และบทเรียนสำคัญที่เขาได้เรียนรู้ตลอดการเดินทางอันน่าทึ่งนี้

จุดเริ่มต้นของ Netflix

Netflix เริ่มต้นจากแนวคิดที่หลายคนคิดว่า "เป็นไปไม่ได้" ในปี 1997 Randolph และ Hastings เริ่มต้นด้วยการทดสอบแนวคิดการให้เช่า DVD ทางไปรษณีย์ พวกเขาใช้วิธีการทดสอบอย่างง่ายและประหยัด โดยส่ง CD ในซองจดหมายให้กับตัวเอง เพื่อดูว่าแนวคิดนี้จะใช้ได้จริงหรือไม่

Randolph เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทดสอบแนวคิดอย่างรวดเร็วและประหยัด เขากล่าวว่า "ทุกไอเดียล้วนแย่ทั้งนั้น เราแค่ยังไม่รู้ว่ามันแย่ตรงไหน" สิ่งสำคัญคือการคิดหาวิธีทดสอบไอเดียอย่างรวดเร็วและประหยัด

การทดสอบแนวคิดนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของวิธีคิดแบบผู้ประกอบการของ Randolph ซึ่งเน้นการลงมือทำมากกว่าการวางแผนที่ยาวนาน เขาเชื่อว่าการทดสอบแนวคิดในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นพบว่าไอเดียนั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ วิธีนี้ช่วยให้ Netflix สามารถปรับเปลี่ยนและพัฒนาแนวคิดธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องลงทุนมากในไอเดียที่อาจไม่ประสบความสำเร็จ

การพัฒนาโมเดลธุรกิจ

ในช่วงแรก Netflix ใช้โมเดลธุรกิจแบบเดียวกับร้านเช่าวิดีโอทั่วไป มีค่าปรับเมื่อคืนช้า แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเปลี่ยนเป็นระบบสมาชิกแบบไม่มีค่าปรับ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถยืม DVD ได้ไม่จำกัด

Randolph อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากการสังเกตว่า DVD จำนวนมากอยู่ในคลังสินค้าโดยไม่ได้ใช้งาน พวกเขาจึงคิดว่า "ทำไมเราไม่ให้ลูกค้าเก็บ DVD ไว้ที่บ้าน แล้วค่อยส่งคืนเมื่อดูเสร็จ?" แนวคิดนี้นำไปสู่การสร้างระบบสมาชิกที่ปฏิวัติวงการ

การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาการจัดการสินค้าคงคลัง แต่ยังสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าสำหรับลูกค้า โดยขจัดความกังวลเรื่องค่าปรับและกำหนดเวลาคืน นอกจากนี้ ยังช่วยให้ Netflix สามารถคาดการณ์รายได้ได้ดีขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โมเดลธุรกิจใหม่นี้กลายเป็นจุดแข็งที่สำคัญของ Netflix ในการแข่งขันกับร้านเช่าวิดีโอแบบดั้งเดิม และเป็นรากฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต

วัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์

Netflix มีชื่อเสียงในเรื่องวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่ง Randolph เรียกว่า "อิสรภาพและความรับผิดชอบ" เขาอธิบายว่าแนวคิดนี้เกิดจากความเชื่อที่ว่าพนักงานควรได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ใหญ่

"เราไม่สร้างราวกั้นเพื่อป้องกันคนที่มีวิจารณญาณไม่ดี แต่เราสร้างวัฒนธรรมที่ไม่มีราวกั้นและจ้างเฉพาะคนที่มีวิจารณญาณดี" Randolph กล่าว

วัฒนธรรมนี้หมายถึงการไม่มีนโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการลาหยุดหรือค่าใช้จ่าย แต่เน้นที่การใช้วิจารณญาณที่ดีของพนักงาน นี่เป็นแนวทางที่ค่อนข้างแตกต่างจากบริษัทส่วนใหญ่ และสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ Netflix ในพนักงานของตน

Randolph เชื่อว่าการให้อิสระและความรับผิดชอบแก่พนักงานนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นและความคิดสร้างสรรค์ที่มากขึ้น วัฒนธรรมนี้ยังช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถสูง ซึ่งมักชื่นชอบสภาพแวดล้อมการทำงานที่ให้ความไว้วางใจและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

การเผชิญหน้ากับความท้าทาย

ในช่วงวิกฤตดอทคอมปี 2000 Netflix ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก Randolph เล่าถึงความพยายามที่จะขายบริษัทให้กับ Blockbuster ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดการเช่าวิดีโอในขณะนั้น แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธ

เหตุการณ์นี้ทำให้ Netflix ต้องปรับตัวและมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันกับ Blockbuster แทน Randolph กล่าวว่า "บางครั้งทางเดียวที่จะออกจากปัญหาคือการเผชิญหน้ากับมัน"

ช่วงเวลานี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับ Netflix พวกเขาต้องปรับกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจอย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด การปฏิเสธจาก Blockbuster แม้จะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังในตอนนั้น แต่ก็กลายเป็นโอกาสให้ Netflix ได้พัฒนาและเติบโตด้วยตัวเอง

Randolph เน้นย้ำว่าความล้มเหลวและอุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นผู้ประกอบการ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้นและใช้มันเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไป ประสบการณ์นี้ยังสอนให้ Netflix รู้จักการปรับตัวและนวัตกรรม ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญของ DNA ของบริษัทในเวลาต่อมา

บทเรียนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ

Randolph แบ่งปันบทเรียนสำคัญหลายประการสำหรับผู้ประกอบการ:

  1. ทดสอบไอเดียอย่างรวดเร็วและประหยัด: Randolph เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทดสอบแนวคิดอย่างรวดเร็วและประหยัด แทนที่จะใช้เวลาวางแผนนานๆ เขาแนะนำให้ลองทำสิ่งต่างๆ ในขนาดเล็กและเรียนรู้จากผลลัพธ์

  2. ความยืดหยุ่นในการปรับตัว: Netflix เปลี่ยนจากการให้เช่า DVD เป็นระบบสมาชิก และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นบริการสตรีมมิ่ง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวตามความต้องการของตลาด Randolph เชื่อว่าความสามารถในการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว

  3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง: วัฒนธรรม "อิสรภาพและความรับผิดชอบ" ของ Netflix ช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถ Randolph เชื่อว่าการสร้างสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกได้รับความไว้วางใจและมีอำนาจในการตัดสินใจ จะนำไปสู่นวัตกรรมและผลงานที่ดีขึ้น

  4. เรียนรู้จากความล้มเหลว: Randolph มองว่าการทดสอบที่ไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นโอกาสในการเรียนรู้ เขาสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมองความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการและใช้มันเป็นข้อมูลเพื่อปรับปรุงในอนาคต

  5. สมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว: แม้จะทุ่มเทให้กับธุรกิจ Randolph ก็ยังให้ความสำคัญกับครอบครัวและงานอดิเรก เขามีนโยบาย "เดทคืนวันอังคาร" กับภรรยาเสมอ ซึ่งเขาจะออกจากที่ทำงานตรงเวลา 17.00 น. ทุกวันอังคาร ไม่ว่าจะมีงานสำคัญอะไรก็ตาม

Randolph เชื่อว่าการรักษาสมดุลนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตส่วนตัวดีขึ้น แต่ยังส่งผลดีต่อธุรกิจด้วย เขาอธิบายว่าการมีเวลาพักและทำกิจกรรมอื่นๆ ช่วยให้เขามีมุมมองใหม่ๆ และความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน นอกจากนี้ การที่ผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิตยังเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพนักงานคนอื่นๆ ในองค์กรด้วย

มุมมองเกี่ยวกับความสำเร็จ

Randolph มองว่าความสำเร็จไม่ได้วัดจากความมั่งคั่งหรือชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เขาภูมิใจที่สามารถสร้างบริษัทที่ประสบความสำเร็จในขณะที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับครอบครัวและทำกิจกรรมที่ชื่นชอบได้

สำหรับ Randolph ความสำเร็จหมายถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก ไม่ว่าจะเป็นผ่านนวัตกรรมทางธุรกิจหรือการช่วยเหลือผู้อื่น เขาเชื่อว่าการสร้างบริษัทที่เปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนบริโภคความบันเทิงเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับการเป็นพ่อที่ดีและการมีส่วนร่วมในชุมชนด้วย

นอกจากนี้ Randolph ยังเน้นย้ำว่าความสำเร็จเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง เขาสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมองหาความท้าทายใหม่ๆ และโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตอยู่เสมอ แม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม

ผลกระทบของ Netflix ต่ออุตสาหกรรม

Netflix ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้คนเช่าภาพยนตร์ แต่ยังปฏิวัติวงการบันเทิงทั้งหมด การเปลี่ยนไปสู่การสตรีมมิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีที่ผู้คนบริโภคเนื้อหา ส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์

ผลกระทบของ Netflix ต่ออุตสาหกรรมบันเทิงนั้นกว้างไกลและลึกซึ้ง บริษัทไม่เพียงแต่เปลี่ยนวิธีที่ผู้คนเข้าถึงเนื้อหา แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่เนื้อหาถูกสร้างและจัดจำหน่ายด้วย การเปิดตัวบริการสตรีมมิ่งของ Netflix นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เกิดปรากฏการณ์ "binge-watching" และความคาดหวังที่จะสามารถรับชมเนื้อหาได้ทุกที่ทุกเวลา

นอกจากนี้ Netflix ยังเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างเนื้อหาต้นฉบับ ซึ่งท้าทายโมเดลธุรกิจแบบดั้งเดิมของสตูดิโอภาพยนตร์และเครือข่ายโทรทัศน์ การลงทุนอย่างมหาศาลในการผลิตเนื้อหาของ Netflix ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักสร้างสรรค์ แต่ยังยกระดับคุณภาพของเนื้อหาโดยรวมในอุตสาหกรรมด้วย

มุมมองในปัจจุบันและอนาคต

ปัจจุบัน Randolph มุ่งเน้นไปที่การเป็นที่ปรึกษาและแบ่งปันประสบการณ์กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เขายังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสมดุลในชีวิตและการทำงาน

Randolph เชื่อว่าโลกของการประกอบการและนวัตกรรมยังคงมีโอกาสมากมาย เขามองว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความเป็นจริงเสมือน (VR) จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสร้างธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นเดียวกับที่ Netflix ทำ

ในฐานะที่ปรึกษาและนักลงทุน Randolph มุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม เขาเชื่อว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอนาคตจะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากผลกำไรทางการเงิน

นอกจากนี้ Randolph ยังคงสนับสนุนแนวคิดเรื่องการทดสอบไอเดียอย่างรวดเร็วและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อนวัตกรรม เขาเชื่อว่าหลักการเหล่านี้จะยังคงมีความสำคัญในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บทสรุป

เรื่องราวของ Mark Randolph และ Netflix เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการที่ไอเดียเล็กๆ สามารถเติบโตเป็นธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ บทเรียนที่เขาแบ่งปันเกี่ยวกับการทดสอบไอเดีย การปรับตัว และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง เป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผู้ประกอบการทุกคน

ไม่ว่าคุณจะกำลังเริ่มต้นธุรกิจหรือพยายามพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ บทเรียนจาก Randolph สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ การเปิดใจรับความเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะทดสอบไอเดียใหม่ๆ และให้ความสำคัญกับการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้

สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าความสำเร็จไม่ได้วัดจากผลลัพธ์ทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรักษาสมดุลในชีวิตและความสุขส่วนตัวด้วย เหมือนที่ Randolph ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นไปได้ที่จะสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในขณะที่ยังคงใส่ใจกับครอบครัวและความสนใจส่วนตัว การนำบทเรียนเหล่านี้ไปปรับใช้อาจไม่เพียงช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจ แต่ยังช่วยให้คุณมีชีวิตที่สมบูรณ์และมีความหมายมากขึ้นด้วย

Kang T Lee

Kang T Lee

ผม Kang T Lee ผมเขียนบทความเกี่ยวกับ Web development, IC Design, Business and Entrepreneur และเนื้อหาที่น่าสนใจจากหนังสือที่ผมอ่าน

บทความที่เกี่ยวข้อง